วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Error Code สัญญาณบอกปัญหาของเครื่องคอมฯ

Beep Beep !

คุณเคยสังเกตุหรือเปล่าว่า ในขณะที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ คุณจะได้ยินเสียงสัญญาณดังหนึ่งครั้งก่อน จากนั้นก็จะมีรายละเอียดเป็นตัวอักษรแสดงบนหน้าจอ แต่ถ้าวันดีคืนดีมีเสียง Beep ดังมากกว่าหนึ่งครั้ง หรือมีตัวเลขที่หน้าจอ แล้วไม่สามารถเข้า Windows เพื่อทำงานได้ คุณทราบหรือไม่ว่าปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไร


POST คืออะไร

ทุกครั้งที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานจะเริ่มจาก POST (Power-On Self Test) ซึ่งเป็นการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนเข้าทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้ามีปัญหา ระบบจะแจ้งความผิดพลาดออกมา ซึ่งปกติแล้วตัวเลขแสดงความผิดพลาด จะขึ้นกับ Main Board ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง แต่โดยทั่วไปจะมีรหัสแจ้งความผิดพลาดดังนี้...

สัญญาณตัวเลขแสดงความผิดพลาด

รหัสความผิดพลาด ตัวต้นเหตุของปัญหา
101 - 199
Master Board หรือ Main Board
201 - 299
RAM
301 - 399
Keyboard
401 - 499
Monochorme card
501 - 599
CGA card
601 - 699
Floppy drive
701 - 799
Math Co
901 - 999
Printer port
1101 - 1199
Serial port
1301 - 1399
Game control Adapter
1401 - 1499
Printer
1701 - 1799
Hard drive
2401- 2499
EGA/VGA

สัญญาณเสียงแสดงความผิดพลาด

นอกจากตัวเลขแสดงความผิดพลาดแล้ว อาจมีสัญญาณเสียงแสดงความผิดพลาดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นกับ Main Board แต่ละรุ่นเช่นเดียวกัน แต่สำหรับรหัสเสียงสัญญาณแสดงความผิดพลาดพื้นฐาน ได้แก่

จำนวนเสียงสัญญาณ ตัวต้นเหตุของปัญหา
1 เสียงสั้น
Successful POST
2 เสียงสั้น
Initialization error, DMA, Floppy Disk Drive, Serial, Parial
1 เสียงยาว, 1 เสียงสั้น
Main Board
1 เสียงยาว, 2 เสียงสั้น
VGA or Video Memory
1 เสียงยาว, 3 เสียงสั้น
VGA card
ไม่มีเสียง
Power Supply, MainBoard


หมายเหตุ : Main Board, Master Board, System Board มีความหมายอย่างเดียวกัน

Credit : http://cddweb.cdd.go.th/cdregion07/itnews3.html

10 วิธีในการเพิ่มความเร็วในการเล่นอินเตอร์เน็ต

  1. ติดตั้ง Driver ของ Modem ของคุณให้ถูกต้อง
    ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าการใช้ Driver ที่ถูกต้องจะทำให้เราสามารถใช้ความสามารถของโมเด็มได้มากที่สุด วิธีการตรวจสอบให้เข้า คลิกปุ่ม Start เลือก Control Panel จากนั้นคลิกไอคอน Modem แล้วคลิก General Tab ลองสังเกตดูว่าชื่อโมเด็มตรงกับที่ใช้อยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช้ให้ติดต่อบริษัทที่คุณซื้อมา หรือถ้าไม่สะดวกให้เข้าไปที่เวปไซท์ ของเจ้าของ Modem นั้น ๆ แล้วเลือก downlaod Driver ของ Modem ของคุณ เลือกเวอร์ชั่นล่าสุด

  2. ซื้อโมเด็มที่มีความเร็วสูงสุด
    เรื่องง่าย ๆ ครับ ถ้าอยากเร็วก็ซื้อโมเด็มที่เร็ว ๆ ถูกไหมคะ.. แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของ PC ที่คุณใช้ก็ส่วนที่จะ ช่วยให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตเร็วขึ้นด้วย

  3. โมเด็มตัวเดียวไม่พอ ใช้สองตัวซิครับ
    ข้อนี้ไม่ค่อยอยากแนะนำเพราะว่าคุณต้องเสียเงินเพิ่ม และเสียค่าโทรศัพท์ในการใช้งานเพิ่มด้วย แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่ต้อง การการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เร็วมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการใช้ Modem 2 ตัวได้นั้น จะต้องขึ้นกับทาง ISP ที่คุณใช้ บริการว่า support Modem 2 ตัวหรือไม่ ยังไงก็สอบถามก่อนนะคะ

  4. เลือก ISP ที่เร็วและดีที่สุด
    ดิฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ใช้บริการกับหลายๆ ISP แต่ก็ยังไม่ค่อยถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Support หรือเรื่องระบบ หลาย ๆครั้ง เกิดปิดระบบดื้อ ๆ (แก้ไข Server) กว่าจะรู้ว่าทำให้วันนั้นทั้งวันผมต้องเสียเวลาตรวจสอบระบบภายใน นึกว่าของตนเอง เสียหาย ดังนั้น วิธีง่าย ๆในการเลือก ISP มาใช้คือ ใช้ชุดอินเตอร์เน็ตสำเร็วรูปสัก 10 ชั่วโมง แล้วลองใช้ดูก่อน

  5. เลือกหมายเลขโทรศัพท์ในการเชื่อมให้ถูกต้อง
    ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากหลาย ๆ ท่านยังไม่เข้าใจ ISP จะมีบริการอินเตอร์เน็ตหลายๆ ระดับ ขึ้นกับความเร็วของ Modem ของคุณ เช่น ถ้าใช้ Modem 33.6 kbps จะต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์เบอร์ใด และถ้าคุณใช้ Modem 56 kbps คุณจะต้อง ใช้โทรศัพท์เบอร์ใด แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้เบอร์ผิด อาจติดต่อได้ แต่นั่นทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตช้าลงได้

  6. หลีกเลี่ยงความแออัดของการจราจรบนอินเตอร์เน็ต
    เวลาที่ถูกว่าจะมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากคือเวลา 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ดังนั้น ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงเวลาดังกล่าวได้ ย่อมมีส่วนอยู่บ้างที่จะช่วยให้คุณใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เร็วมากยิ่งขึ้น

  7. ตั้งค่า Buffers ให้มากขึ้น
    ถ้าคุณใช้ Modem แบบ UART รุ่น 16550 หรือใกล้เคียง และใช้ Windows 95,98/NT ให้ลองปรับเปลี่ยนค่า Buffers โดยการคลิกปุ่ม Start เลือก Control Panel คลิกไอคอน Modems คลิกเลือก Properties คลิกอีกครั้งที่ Connection tab คุณจะพบแถบสไลด์ที่มีข้อความ Port Setting ให้ปรับค่า Receive Buffers และ Transmit Buffers ไปทางขวา เป็น การเพิ่ม Buffers ให้มากขึ้น จะทำให้คุณเล่นอินเตอร์เน็ตได้เร็วมากขึ้น

  8. ตั้งค่า Ports ให้เหมาะสม
    ให้ทดลองเปลี่ยนค่าความเร็วของ Port ให้เป็น 57,600 หรือ 115,200 bps โดยเข้าไปที่ Modem เลือก Properties ดูที่ช่อง Maximum speed หลังจากติดตั้งค่า Modem แล้ว ให้ปรับค่าความเร็วของ Port ใน Device Manager ด้วย โดยคลิกที่ Control Panel เลือกไอคอน System คลิกเลือก Device Manager แล้วเลือก Ports และคลิกหมายเลข Com Port ที่คุณ ติดตั้งโมเด็มเอาไว้ เลือก Port Settings (ข้อความ Flow Control ถูกเลือกเป็น hardware) จากนั้นกำหนดค่า 57,600 หรือ 115,200 ให้ตรงกับ Modem Properties ที่เลือกไว้ตอนต้น

  9. ติดตั้งโปรแกรมช่วยปรับค่าและติด Turbo ให้กับเว็บบราวเซอร์ของคุณ
    หลังจากปรับค่าต่าง ๆแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ ให้ลองติดตั้งโปรแกรมที่ช่วยในการปรับค่า และช่วยในการเพิ่มความเร็วโดยการ ตรวจสอบ Configuration ที่เหมาะสมสำหรับ ISP ของคุณ (ซึ่งแต่ละ ISP จะไม่เหมือนกัน) โปรแกรมเหล่านี้ได้แก่ internet Turbo, Web Turbo

  10. ลบข้อมูลใน Cache และปรับแต่ง Harddisk
    ให้ทดลองเปลี่ยนค่าความเร็วของ Port ให้เป็น 57,600 หรือ 115,200 bps โดยเข้าไปที่ Modem เลือก Properties ดูที่ช่อง Cache คือพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับเล่นอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณมีพื้นที่ใน Harddisk ไม่มากพอ คุณควรลบ Cache ออกบ้างโดยเข้าไปที่ เว็บบราวเซอร์ของคุณ IE 5 คลิก Tools เลือก Internet Options เลือก Temporary Internet files ให้เลือก Delete files (Files เหล่านี้คือ files ที่ถูก save ไว้ขณะที่คุณเล่นอินเตอร์เน็ต) จากนั้นให้คุณปรับแต่ง Harddisk ด้วยการเลือกคำสั่ง Scandisk และ Disk Defragmenter ซึ่งคำสั่งนี้อยู่ที่เมนู Accessories เมนูย่อย System Tools
Credit : http://cddweb.cdd.go.th/cdregion07/itnews5.html

USB คืออะไร?




USB ย่อมาจาก Universal Serial Bus เป็นพอร์ท หรือช่องทางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Printer, Modem, Mouse, Keyboard, Digital Camera และอื่นๆ อีกมากมาย

USB เริ่มต้นมีการใช้งานจะมีรุ่น USB 1.1 ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีความเร็วสูงขึ้น โดยเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น USB 2.0 โดยมีรายละเอียดดังนี้
  • USB เวอร์ชั่น 1.1 มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 12 Mbits ต่อวินาที
  • USB เวอร์ชั่น 2.0 มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 480 Mbits ต่อวินาที
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ USB 2.0 Full Speed แะล USB 2.0 Hi-Speed
  • USB เวอร์ชั่น 2.0 Full Speed มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 12 Mbits ต่อวินาที
  • USB เวอร์ชั่น 2.0 Hi-Speed มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 480 Mbits ต่อวินาที
การ ใช้งาน USB พอร์ต USB เป็นพอร์ทที่มีการใช้กระแสไฟด้วย ดังนั้นหลังการใช้งาน หรือการถอดสาย USB ออกจากเครื่องคอมฯ เราจำเป็นจะต้องมีการเรียกใช้สั่ง "Safely Remove Hardware" หรือ "Unplug or Eject Hardware" เสียก่อน โดยมีขั้นตอนสั้นๆ ดังนี้
  1. ดับเบิลคลิกเลือกที่รูปลูกศรสีเขียว ที่บริเวณ TaskBar
  2. หรือคลิกขวาเลือก Safely Remove Hardware หรือ Unplug or Eject Hardware (แล้วแต่ Windows แต่ละเวอร์ชั่น)



  3. เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการยกเลิก
  4. จากนั้นคลิกปุ่ม Stop
  5. แค่นี้ก็สามารถถอดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้แล้วครับ
Credit : http://cddweb.cdd.go.th/cdregion07/itnews2.html

Thank You Very Much.

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเยี่ยมชม Blog นี้นะครับ
หวังว่ามันคงเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้กับ Computer ของทุกคนได้นะครับ..